หลักการทำกำไรจาก Divergence คือการใช้สัญญาณความไม่สอดคล้องกันระหว่างการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์และตัวชี้วัดทางเทคนิค (Indicators) เพื่อระบุโอกาสในการกลับตัวของราคา (Reversal) หรือการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม (Trend Change) การใช้ Divergence เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเทรดที่สามารถช่วยให้นักเทรดทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือหลักการและวิธีการทำกำไรจาก Divergence:
หลักการทำกำไรจาก Divergence
- การระบุประเภทของ Divergence
- Regular Divergence: ใช้เพื่อระบุการกลับตัวของแนวโน้ม
- Bullish Divergence: ราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่ตัวชี้วัดทำจุดต่ำสุดสูงขึ้น เป็นสัญญาณขาขึ้น
- Bearish Divergence: ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ตัวชี้วัดทำจุดสูงสุดต่ำลง เป็นสัญญาณขาลง
- Hidden Divergence: ใช้เพื่อระบุการต่อเนื่องของแนวโน้มปัจจุบัน
- Bullish Hidden Divergence: ราคาทำจุดต่ำสุดสูงขึ้น แต่ตัวชี้วัดทำจุดต่ำสุดใหม่ เป็นสัญญาณแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง
- Bearish Hidden Divergence: ราคาทำจุดสูงสุดต่ำลง แต่ตัวชี้วัดทำจุดสูงสุดใหม่ เป็นสัญญาณแนวโน้มขาลงต่อเนื่อง
- Regular Divergence: ใช้เพื่อระบุการกลับตัวของแนวโน้ม
- การเลือกตัวชี้วัดที่ใช้ในการวิเคราะห์ Divergence
- MACD (Moving Average Convergence Divergence): นิยมใช้ในการตรวจจับการกลับตัวของราคา
- RSI (Relative Strength Index): ใช้ในการตรวจจับความแข็งแกร่งของแนวโน้มและ Divergence
- Stochastic Oscillator: ใช้ในการตรวจจับจุดกลับตัวในตลาดที่มีการเคลื่อนไหวในกรอบ
- การวิเคราะห์กราฟและระบุ Divergence
- เปิดกราฟราคาของสินทรัพย์ที่ต้องการวิเคราะห์และเพิ่มตัวชี้วัดที่เลือก
- มองหาความไม่สอดคล้องกันระหว่างการเคลื่อนไหวของราคากับตัวชี้วัด เช่น ราคาทำจุดสูงสุดใหม่แต่ตัวชี้วัดไม่ทำจุดสูงสุดใหม่
- การตั้งค่าจุดเข้า (Entry Point) และจุดออก (Exit Point)
- จุดเข้า (Entry Point): เปิดตำแหน่งการเทรดเมื่อมีสัญญาณ Divergence ที่ชัดเจน เช่น เมื่อราคาทำจุดต่ำสุดใหม่แต่ตัวชี้วัดทำจุดต่ำสุดสูงขึ้น (Bullish Divergence)
- จุดออก (Exit Point): ตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit เพื่อควบคุมความเสี่ยงและล็อกกำไร
ตัวอย่างการทำกำไรจาก Divergence
สมมติว่าคุณต้องการใช้ Bullish Divergence ในการทำกำไรจากคู่สกุลเงิน EUR/USD โดยใช้ตัวชี้วัด RSI
- ระบุ Bullish Divergence
- เปิดกราฟราคา EUR/USD และเพิ่มตัวชี้วัด RSI
- สังเกตเห็นว่าราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ 1.1000 แต่ RSI ทำจุดต่ำสุดสูงขึ้น (จาก 30 เป็น 40)
- ตั้งค่าจุดเข้าและจุดออก
- เปิดตำแหน่ง Buy เมื่อราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ 1.1000 และ RSI ทำจุดต่ำสุดสูงขึ้น
- ตั้งค่า Stop Loss ใต้จุดต่ำสุดใหม่เล็กน้อย เช่น ที่ 1.0950
- ตั้งค่า Take Profit ตามเป้าหมายกำไรที่ต้องการ เช่น ที่ 1.1100
เคล็ดลับในการใช้ Divergence
- ใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ: ไม่ควรใช้ Divergence เพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจ ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือและการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น แนวรับและแนวต้าน หรือเส้นแนวโน้ม
- ตรวจสอบสัญญาณหลอก: Divergence อาจมีสัญญาณหลอก ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของสัญญาณด้วยการวิเคราะห์เพิ่มเติม
- ฝึกฝนในบัญชีเดโม: ฝึกฝนการใช้ Divergence ในบัญชีเดโมก่อนที่จะนำมาใช้ในการเทรดจริง เพื่อเพิ่มความมั่นใจและความแม่นยำ
สรุป
การทำกำไรจาก Divergence เป็นการใช้สัญญาณความไม่สอดคล้องกันระหว่างการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์และตัวชี้วัดทางเทคนิค เพื่อระบุโอกาสในการกลับตัวของราคาและการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม หลักการทำกำไรจาก Divergence ประกอบด้วยการระบุประเภทของ Divergence การเลือกตัวชี้วัดที่เหมาะสม การตั้งค่าจุดเข้าและจุดออก รวมถึงการใช้เคล็ดลับในการเพิ่มความแม่นยำในการเทรด
การใช้ Divergence อย่างมีระบบและระมัดระวังจะช่วยให้นักเทรดสามารถทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการเทรด