หลักการทํากําไร Divergence คืออะไร

หลักการทำกำไรจาก Divergence คือการใช้สัญญาณความไม่สอดคล้องกันระหว่างการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์และตัวชี้วัดทางเทคนิค (Indicators) เพื่อระบุโอกาสในการกลับตัวของราคา (Reversal) หรือการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม (Trend Change) การใช้ Divergence เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเทรดที่สามารถช่วยให้นักเทรดทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือหลักการและวิธีการทำกำไรจาก Divergence:

หลักการทำกำไรจาก Divergence

  1. การระบุประเภทของ Divergence
    • Regular Divergence: ใช้เพื่อระบุการกลับตัวของแนวโน้ม
      • Bullish Divergence: ราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่ตัวชี้วัดทำจุดต่ำสุดสูงขึ้น เป็นสัญญาณขาขึ้น
      • Bearish Divergence: ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ตัวชี้วัดทำจุดสูงสุดต่ำลง เป็นสัญญาณขาลง
    • Hidden Divergence: ใช้เพื่อระบุการต่อเนื่องของแนวโน้มปัจจุบัน
      • Bullish Hidden Divergence: ราคาทำจุดต่ำสุดสูงขึ้น แต่ตัวชี้วัดทำจุดต่ำสุดใหม่ เป็นสัญญาณแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง
      • Bearish Hidden Divergence: ราคาทำจุดสูงสุดต่ำลง แต่ตัวชี้วัดทำจุดสูงสุดใหม่ เป็นสัญญาณแนวโน้มขาลงต่อเนื่อง
  2. การเลือกตัวชี้วัดที่ใช้ในการวิเคราะห์ Divergence
    • MACD (Moving Average Convergence Divergence): นิยมใช้ในการตรวจจับการกลับตัวของราคา
    • RSI (Relative Strength Index): ใช้ในการตรวจจับความแข็งแกร่งของแนวโน้มและ Divergence
    • Stochastic Oscillator: ใช้ในการตรวจจับจุดกลับตัวในตลาดที่มีการเคลื่อนไหวในกรอบ
  3. การวิเคราะห์กราฟและระบุ Divergence
    • เปิดกราฟราคาของสินทรัพย์ที่ต้องการวิเคราะห์และเพิ่มตัวชี้วัดที่เลือก
    • มองหาความไม่สอดคล้องกันระหว่างการเคลื่อนไหวของราคากับตัวชี้วัด เช่น ราคาทำจุดสูงสุดใหม่แต่ตัวชี้วัดไม่ทำจุดสูงสุดใหม่
  4. การตั้งค่าจุดเข้า (Entry Point) และจุดออก (Exit Point)
    • จุดเข้า (Entry Point): เปิดตำแหน่งการเทรดเมื่อมีสัญญาณ Divergence ที่ชัดเจน เช่น เมื่อราคาทำจุดต่ำสุดใหม่แต่ตัวชี้วัดทำจุดต่ำสุดสูงขึ้น (Bullish Divergence)
    • จุดออก (Exit Point): ตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit เพื่อควบคุมความเสี่ยงและล็อกกำไร

ตัวอย่างการทำกำไรจาก Divergence

สมมติว่าคุณต้องการใช้ Bullish Divergence ในการทำกำไรจากคู่สกุลเงิน EUR/USD โดยใช้ตัวชี้วัด RSI

  1. ระบุ Bullish Divergence
    • เปิดกราฟราคา EUR/USD และเพิ่มตัวชี้วัด RSI
    • สังเกตเห็นว่าราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ 1.1000 แต่ RSI ทำจุดต่ำสุดสูงขึ้น (จาก 30 เป็น 40)
  2. ตั้งค่าจุดเข้าและจุดออก
    • เปิดตำแหน่ง Buy เมื่อราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ 1.1000 และ RSI ทำจุดต่ำสุดสูงขึ้น
    • ตั้งค่า Stop Loss ใต้จุดต่ำสุดใหม่เล็กน้อย เช่น ที่ 1.0950
    • ตั้งค่า Take Profit ตามเป้าหมายกำไรที่ต้องการ เช่น ที่ 1.1100

เคล็ดลับในการใช้ Divergence

  1. ใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ: ไม่ควรใช้ Divergence เพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจ ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือและการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น แนวรับและแนวต้าน หรือเส้นแนวโน้ม
  2. ตรวจสอบสัญญาณหลอก: Divergence อาจมีสัญญาณหลอก ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของสัญญาณด้วยการวิเคราะห์เพิ่มเติม
  3. ฝึกฝนในบัญชีเดโม: ฝึกฝนการใช้ Divergence ในบัญชีเดโมก่อนที่จะนำมาใช้ในการเทรดจริง เพื่อเพิ่มความมั่นใจและความแม่นยำ

สรุป

การทำกำไรจาก Divergence เป็นการใช้สัญญาณความไม่สอดคล้องกันระหว่างการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์และตัวชี้วัดทางเทคนิค เพื่อระบุโอกาสในการกลับตัวของราคาและการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม หลักการทำกำไรจาก Divergence ประกอบด้วยการระบุประเภทของ Divergence การเลือกตัวชี้วัดที่เหมาะสม การตั้งค่าจุดเข้าและจุดออก รวมถึงการใช้เคล็ดลับในการเพิ่มความแม่นยำในการเทรด

การใช้ Divergence อย่างมีระบบและระมัดระวังจะช่วยให้นักเทรดสามารถทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการเทรด

Founded Year 2008, leverage 1:2000, Platforms MT4/MT5, Website 13 languages
Founded Year 2009, leverage 1:1000, Platforms MT4/MT5, Website 28 languages
Founded Year 2010, leverage 1:2000, Platforms MT4/MT5, Website 20 languages

© Copyright 2024 Busforex.com