การตั้งค่า Stop Loss (SL) โดยใช้แนวต้านเป็นจุดตัดขาดทุนสำหรับการเปิดออเดอร์ Buy

การตั้งค่า Stop Loss (SL) โดยใช้แนวต้านเป็นจุดตัดขาดทุนสำหรับการเปิดออเดอร์ Buy

การตั้งค่า Stop Loss (SL) โดยใช้แนวต้านเป็นจุดตัดขาดทุนสำหรับการเปิดออเดอร์ Buy

การตั้งค่า Stop Loss (SL) โดยใช้แนวต้านเป็นจุดตัดขาดทุนสำหรับการเปิดออเดอร์ Buy (ตำแหน่งซื้อ) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยง ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนในการตั้งค่า Stop Loss โดยใช้แนวต้านเป็นจุดตัดขาดทุน

ขั้นตอนในการตั้งค่า Stop Loss โดยใช้แนวต้านสำหรับออเดอร์ Buy

1.ระบุแนวต้านที่สำคัญ

  • ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อระบุแนวต้านที่สำคัญในกราฟราคาของสินทรัพย์ที่คุณต้องการเทรด
  • แนวต้านคือระดับราคาที่มีแนวโน้มที่จะหนุนราคาไม่ให้ขึ้นไปสูงกว่าระดับนั้น และเป็นจุดที่มีแรงขายเข้ามาสนับสนุน

2.เปิดออเดอร์ Buy

  • เลือกจุดเข้า (Entry Point) สำหรับการเปิดออเดอร์ Buy โดยอาจใช้สัญญาณการกลับตัว (Reversal Signals) หรือการทะลุแนวรับ (Breakout) เป็นตัวกำหนด

3.ตั้งค่า Stop Loss ใต้แนวต้าน

  • เมื่อเปิดออเดอร์ Buy ให้ตั้งค่า Stop Loss ใต้ระดับแนวต้านที่ระบุไว้
  • การตั้งค่า Stop Loss ใต้แนวต้านช่วยป้องกันการขาดทุนในกรณีที่ราคาหลุดลงมาจากแนวต้านนั้น

ตัวอย่างการตั้งค่า Stop Loss สำหรับออเดอร์ Buy

สมมติว่าต้องการเทรดคู่สกุลเงิน EUR/USD โดยมีขั้นตอนดังนี้

1.ระบุแนวต้านที่สำคัญ

  • ราคาปัจจุบันของ EUR/USD อยู่ที่ 1.1200
  • ระดับแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1.1250

2.เปิดออเดอร์ Buy

  • เปิดออเดอร์ Buy ที่ราคา 1.1200 โดยคาดว่าราคาจะขึ้นไป

3.ตั้งค่า Stop Loss

  • ตั้งค่า Stop Loss ใต้แนวต้านสำคัญที่ 1.1250 เพื่อป้องกันการขาดทุน
  • อาจตั้งค่า Stop Loss ที่ 1.1240 หรือ 1.1230 เพื่อให้มีพื้นที่บางส่วนในการเคลื่อนไหวของราคา

สรุป

การตั้งค่า Stop Loss โดยใช้แนวต้านเป็นจุดตัดขาดทุนสำหรับออเดอร์ Buy เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยง การตั้งค่า Stop Loss ใต้แนวต้านช่วยป้องกันการขาดทุนในกรณีที่ราคาหลุดลงมาจากแนวต้านนั้น นี่คือขั้นตอนที่สำคัญ

1.ระบุแนวต้านที่สำคัญ

  • ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อระบุแนวต้านที่สำคัญในกราฟราคา

2.เปิดออเดอร์ Buy

  • เลือกจุดเข้าที่เหมาะสมสำหรับการเปิดออเดอร์ Buy

3.ตั้งค่า Stop Loss

  • ตั้งค่า Stop Loss ใต้ระดับแนวต้านเพื่อป้องกันการขาดทุน

การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้นักเทรดสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในระยะยาว