OVER BOUGHT & OVER SOLD คืออะไร?
Overbought (ภาวะซื้อมากเกินไป) และ Oversold (ภาวะขายมากเกินไป) เป็นแนวคิดที่ใช้ในตลาดการเงินเพื่ออธิบายสถานการณ์ที่ราคาของสินทรัพย์อาจเคลื่อนไหวมากเกินไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งในระยะเวลาสั้นๆ ทำให้มีโอกาสสูงที่ราคาจะกลับทิศทาง
Overbought (ภาวะซื้อมากเกินไป)
Overbought หมายถึงสถานการณ์ที่ราคาของสินทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างมากและรวดเร็ว ทำให้ราคาสูงเกินไปเมื่อเทียบกับมูลค่าพื้นฐานหรือการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา สภาวะนี้มักเกิดขึ้นในช่วงที่มีการซื้อมากเกินไป (Overbuying) โดยเทรดเดอร์และนักลงทุนหลายราย ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับตัวลงของราคาเนื่องจากมีการขายทำกำไร (Profit-taking)
- การระบุ: อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค เช่น RSI (Relative Strength Index) ที่มีค่าเกิน 70 มักจะบ่งชี้ถึงภาวะ Overbought นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Stochastic Oscillator และ MACD (Moving Average Convergence Divergence) ในการวิเคราะห์
- ผลกระทบ: เมื่อสินทรัพย์อยู่ในภาวะ Overbought ราคามักจะมีโอกาสปรับตัวลงหรือเกิดการพักฐาน (Consolidation) เพื่อปรับตัวเข้าสู่ระดับราคาที่เหมาะสม
Oversold (ภาวะขายมากเกินไป)
Oversold หมายถึงสถานการณ์ที่ราคาของสินทรัพย์ลดลงอย่างมากและรวดเร็ว ทำให้ราคาต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับมูลค่าพื้นฐานหรือการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา สภาวะนี้มักเกิดขึ้นในช่วงที่มีการขายมากเกินไป (Overselling) โดยเทรดเดอร์และนักลงทุนหลายราย ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับตัวขึ้นของราคาเนื่องจากมีการซื้อกลับ (Buying back) เพื่อทำกำไร
- การระบุ: อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค เช่น RSI ที่มีค่าต่ำกว่า 30 มักจะบ่งชี้ถึงภาวะ Oversold นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Stochastic Oscillator และ MACD ในการวิเคราะห์
- ผลกระทบ: เมื่อสินทรัพย์อยู่ในภาวะ Oversold ราคามักจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นหรือเกิดการพักฐานเพื่อปรับตัวเข้าสู่ระดับราคาที่เหมาะสม
ตัวอย่างการใช้ RSI ในการระบุ Overbought และ Oversold:
การใช้ RSI ระบุภาวะ Overbought:
- ตั้งค่า RSI: ใช้ RSI ที่มีระยะเวลา 14 วัน
- ระดับ: 70
- การระบุ: เมื่อค่า RSI สูงกว่า 70 แสดงว่าสินทรัพย์อาจอยู่ในภาวะ Overbought
- การตัดสินใจ: เทรดเดอร์อาจพิจารณาขายหรือปิดสถานะซื้อเมื่อ RSI ตัดลงต่ำกว่า 70
การใช้ RSI ระบุภาวะ Oversold:
- ตั้งค่า RSI: ใช้ RSI ที่มีระยะเวลา 14 วัน
- ระดับ: 30
- การระบุ: เมื่อค่า RSI ต่ำกว่า 30 แสดงว่าสินทรัพย์อาจอยู่ในภาวะ Oversold
- การตัดสินใจ: เทรดเดอร์อาจพิจารณาซื้อหรือปิดสถานะขายเมื่อ RSI ตัดขึ้นเหนือ 30
การใช้ Overbought และ Oversold ในการเทรด:
- การยืนยันสัญญาณ: ใช้อินดิเคเตอร์อื่นๆ ร่วมกับ RSI เช่น MACD, Stochastic Oscillator หรือการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน เพื่อยืนยันสัญญาณการเทรด
- การจัดการความเสี่ยง: ตั้งจุดหยุดขาดทุน (Stop-Loss) เพื่อจำกัดความเสี่ยงในการเทรดและการตั้งเป้าหมายกำไร (Take Profit)
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน: ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค ควรพิจารณาข่าวสารและปัจจัยพื้นฐานที่อาจมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคา
สรุป:
- Overbought คือภาวะที่ราคาสูงเกินไปและมีโอกาสปรับตัวลง
- Oversold คือภาวะที่ราคาต่ำเกินไปและมีโอกาสปรับตัวขึ้น
- การใช้ RSI และอินดิเคเตอร์อื่นๆ ช่วยในการระบุภาวะ Overbought และ Oversold เพื่อการตัดสินใจในการเทรด
- ควรใช้การยืนยันสัญญาณและการจัดการความเสี่ยงที่ดีในการเทรด
การทำความเข้าใจและใช้ภาวะ Overbought และ Oversold อย่างถูกต้องสามารถช่วยให้นักเทรดทำการตัดสินใจที่มีข้อมูลมากขึ้นและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาดการเงิน