การออกจากการเทรด : STOP LOSS หรือ TAKE PROFIT
การออกจากการเทรดเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กับการเข้าเทรด การใช้ Stop Loss และ Take Profit เป็นเครื่องมือหลักในการบริหารความเสี่ยงและการจัดการกำไร ข้อมูลต่อไปนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจการใช้เครื่องมือเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
Stop Loss
ความหมาย
Stop Loss คือการตั้งจุดขายเพื่อจำกัดการขาดทุนเมื่อราคาของสินทรัพย์เคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงข้ามกับการคาดการณ์ของคุณ.
วิธีการตั้งค่า
- ตั้งค่า Stop Loss ที่ระดับราคาที่จะยอมรับการขาดทุนสูงสุดที่คุณสามารถรับได้
- ใช้แนวรับ (Support) หรือแนวต้าน (Resistance) ที่สำคัญในการตั้งค่า Stop Loss
- ใช้ ATR (Average True Range) เพื่อวัดความผันผวนและตั้งค่า Stop Loss ตามความผันผวนนั้น
Take Profit
ความหมาย
Take Profit คือการตั้งจุดขายเพื่อทำกำไรเมื่อราคาของสินทรัพย์เคลื่อนที่ไปในทิศทางที่คุณคาดการณ์
วิธีการตั้งค่า
- ตั้งค่า Take Profit ที่ระดับราคาที่คุณต้องการทำกำไร
- ใช้แนวต้าน (Resistance) หรือแนวรับ (Support) ที่สำคัญในการตั้งค่า Take Profit
- ใช้ Fibonacci Retracement หรือเครื่องมือวิเคราะห์เทคนิคอื่นๆ เพื่อหาจุด Take Profit ที่เหมาะสม
กลยุทธ์ในการใช้ Stop Loss และ Take Profit
Risk-Reward Ratio
- ตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit โดยคำนึงถึงอัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เหมาะสม (เช่น 1:2 หรือ 1:3)
Trailing Stop
- ใช้ Trailing Stop เพื่อเลื่อน Stop Loss ไปตามการเคลื่อนไหวของราคาที่เป็นกำไร เพื่อให้สามารถล็อกกำไรบางส่วนได้
Dynamic Stop Loss
- ปรับ Stop Loss ตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด เช่น การย้าย Stop Loss ขึ้นหรือลงตามเทรนด์
ตัวอย่างการใช้งาน
ตั้งค่า Stop Loss
- ถ้าคุณซื้อหุ้นที่ราคา 100 บาทและต้องการยอมรับการขาดทุนไม่เกิน 5% ให้ตั้ง Stop Loss ที่ 95 บาท
ตั้งค่า Take Profit
- ถ้าคุณคาดว่าราคาหุ้นจะขึ้นไปถึง 120 บาท ให้ตั้ง Take Profit ที่ระดับนั้นเพื่อทำกำไร