Buy High Sell Higher ทำยังไงให้ไม่เจ็บตัว
กลยุทธ์ Buy High Sell Higher คือการ “ซื้อเมื่อราคาสูงขึ้น และขายเมื่อราคาสูงขึ้นไปอีก” ซึ่งตรงข้ามกับความรู้สึกธรรมชาติของหลายคนที่มักอยากซื้อของถูก แต่ในตลาดการเงิน กลยุทธ์นี้ใช้ได้ผลเมื่อคุณ ซื้อในช่วงเทรนด์ขาขึ้น และปล่อยให้กำไรวิ่งไปเรื่อย ๆ
แต่ปัญหาคือ หลายคนพอได้ยินคำว่า “ซื้อแพง” ก็เผลอไล่ราคาตามตลาด (FOMO) แล้วสุดท้ายติดดอย วันนี้เรามาดูวิธีทำให้ Buy High Sell Higher แบบ ไม่เจ็บตัว
1. เข้าใจความหมายที่แท้จริง
Buy High Sell Higher ไม่ได้แปลว่า “ซื้อเมื่อราคาขึ้นมาสูงมากแล้วแบบไม่มีเหตุผล” แต่คือ การซื้อเมื่อราคาเบรกจุดสำคัญในเทรนด์ขาขึ้น เช่น การทะลุแนวต้านสำคัญ พร้อมปริมาณการซื้อขาย (Volume) ที่สนับสนุน
2. รอจังหวะยืนยันเทรนด์ (Trend Confirmation)
- ใช้เครื่องมืออย่าง EMA, Trendline, หรือ Price Action เพื่อดูว่าราคายังอยู่ในเทรนด์
- หลีกเลี่ยงการเข้าเมื่อราคาเพิ่งเด้งแรงจากข่าว (เพราะมีโอกาสย่อตัวแรง)
- รอให้มีแท่งเทียนยืนยัน เช่น Bullish Engulfing หรือ Breakout พร้อมปิดแท่งเหนือแนวต้าน
3. วาง Stop Loss ทุกครั้ง
- กำหนดจุดตัดขาดทุนใต้แนวรับ หรือใต้ EMA ที่ใช้
- อย่าขยับ Stop Loss ไปไกลกว่าเดิมเพราะ “เสียดาย” เพราะนี่คือจุดที่คนส่วนใหญ่พลาดแล้วขาดทุนหนัก
4. ใช้การแบ่งไม้ (Scaling In)
- แทนที่จะเทเงินทั้งหมดทีเดียว ให้แบ่งเข้าหลายส่วน เช่น เข้าครั้งแรก 50% ถ้าราคายังวิ่งตามเทรนด์ค่อยเพิ่ม
- วิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงถ้าเกิดราคากลับตัว
5. กำหนดเป้ากำไรเป็นขั้น
- วางเป้าหมายขายบางส่วนเมื่อถึงจุดที่กำหนด เช่น +2R, +3R
- ปล่อยอีกส่วนใช้ Trailing Stop เพื่อเก็บกำไรจากการวิ่งยาวของเทรนด์
6. อย่าไล่ราคา (No FOMO)
- ถ้าราคาวิ่งไปไกลเกินจากจุดที่วางแผนไว้ ให้ปล่อยไป รอจังหวะใหม่
- การกระโดดตามราคาที่วิ่งแรงมักทำให้เข้าใกล้จุดสิ้นสุดของเทรนด์มากกว่าจุดเริ่มต้น
สรุป
Buy High Sell Higher คือกลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลถ้าคุณมีวินัย และรู้ว่ากำลังซื้อเพราะเทรนด์ยังไปต่อ ไม่ใช่เพราะกลัวพลาดโอกาส การเข้าเทรดตามแผน มี Stop Loss ชัดเจน และบริหารไม้ จะช่วยให้คุณทำกำไรจากการ “ซื้อแพง และขายแพงกว่า” ได้อย่างปลอดภัย