Scaling In & Scaling Out
กลยุทธ์บริหารจังหวะเข้าออก เพื่อเพิ่มผลตอบแทนและลดความเสี่ยง
ในการเทรดจริง ไม่มีใครสามารถ “จับจุดเข้า-จุดออกที่ดีที่สุด” ได้ทุกครั้ง
เพราะตลาดเต็มไปด้วยความผันผวนและความไม่แน่นอน
กลยุทธ์ Scaling In & Scaling Out จึงถือเป็นเทคนิคสำคัญที่เทรดเดอร์ระดับมืออาชีพนิยมใช้
เพื่อควบคุมจังหวะการเข้าออก และบริหารความเสี่ยงอย่างมีระบบ
Scaling In คืออะไร
Scaling In หมายถึงการทยอย “เพิ่มออเดอร์” เข้าสู่ตลาดทีละส่วน
แทนที่จะเปิดเต็มจำนวนในครั้งเดียว เช่น เมื่อราคาเริ่มเป็นไปตามคาด ก็จะค่อย ๆ เติมออเดอร์เพิ่มตามจังหวะ
ตัวอย่าง:
- เทรดเดอร์ต้องการเปิด Buy ทองคำ 3 ออเดอร์
- เริ่มเปิดที่จุดแรกเมื่อราคาเริ่มดีดขึ้น
- ถ้าราคาทะลุแนวต้านแรก → เติมออเดอร์ที่ 2
- ถ้าราคายืนเหนือแนวรับใหม่ → เติมออเดอร์ที่ 3
ผลคือ เมื่อราคาวิ่งต่อ เทรดเดอร์จะได้ถือออเดอร์มากขึ้นในจังหวะที่ตลาดกำลังหนุน
ซึ่งช่วยเพิ่มกำไรโดยไม่ต้องเสี่ยงหนักตั้งแต่ต้น
Scaling Out คืออะไร
Scaling Out คือการทยอย “ปิดทำกำไร” หรือ “ลดขนาดออเดอร์” ออกทีละส่วน
แทนที่จะปิดทั้งหมดในจุดเดียว
จุดประสงค์คือปกป้องกำไรบางส่วน และเปิดโอกาสให้ราคาวิ่งต่อได้
ตัวอย่าง
- ถือออเดอร์ Buy ทองคำ 3 ชั้น
- ปิดทำกำไร 1 ออเดอร์เมื่อถึงแนวต้านแรก
- ปิดเพิ่มอีก 1 ออเดอร์เมื่อราคาขึ้นแรง
- ปล่อยออเดอร์สุดท้ายวิ่งต่อโดยเลื่อน Stop Loss ตามราคา
กลยุทธ์นี้ช่วย “ล็อกกำไรบางส่วน” ขณะยังคงมีโอกาสได้กำไรเพิ่มถ้าราคายังไปต่อ
ข้อดีของ Scaling In & Scaling Out
- ลดแรงกดดันทางจิตใจ
ไม่ต้องหาจุดเข้า-ออกที่แม่นที่สุด - เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงขึ้น
เมื่อราคาวิ่งตามแผน สามารถขยายออเดอร์ได้เรื่อย ๆ - บริหารความเสี่ยงได้ยืดหยุ่น
ทยอยเข้าเมื่อเห็นสัญญาณชัดเจน และทยอยออกเมื่อแนวโน้มเริ่มอ่อนแรง - เหมาะกับเทรดเดอร์สาย Price Action / Trend Following
โดยเฉพาะผู้ที่เทรดตามแนวโน้มและต้องการถือระยะยาว
ข้อควรระวัง
- ต้องมีแผนการจัดขนาดออเดอร์ (Position Sizing) ที่แน่นอน
- อย่าเพิ่มออเดอร์เมื่อเทรดผิดทาง (เพราะนั่นไม่ใช่ Scaling In แต่คือการ “ถัวขาดทุน”)
- ควรกำหนดระดับราคาและสัญญาณให้ชัดเจนก่อนเริ่มเทรด
เทคนิคเล็ก ๆ สำหรับผู้ใช้กลยุทธ์นี้
- ใช้ EMA หรือ Trendline เป็นตัวช่วยดูแนวโน้มก่อน Scaling In
- ใช้จุด Swing High / Swing Low เป็นแนวกำหนดจุดทยอยปิด (Scaling Out)
- เขียนแผนไว้ก่อนเข้าเทรดทุกครั้ง เช่น
- เข้าที่ไหน
- จะเพิ่มเมื่อไหร่
- จะทยอยปิดอย่างไร
สรุป
Scaling In & Scaling Out คือกลยุทธ์ที่ช่วยให้เทรดเดอร์ “เป็นมิตรกับตลาด” มากขึ้น
เพราะแทนที่จะต้องเดาให้แม่น กลับใช้วิธีปรับตัวตามราคาอย่างมีระบบ
ถ้าราคามีแนวโน้มชัด — เพิ่มออเดอร์ให้กำไรโต
ถ้าราคาเริ่มหมดแรง — ทยอยปิดเพื่อรักษากำไรไว้
เทคนิคนี้ไม่เพียงช่วยบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น
แต่ยังช่วยพัฒนา “วินัยและความมั่นคงทางจิตใจ” ในการเทรดระยะยาวอีกด้วย
