Scalping Trade เป็นกลยุทธ์การเทรดที่เน้นการทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น ๆ โดยมักจะอยู่ในช่วงไม่กี่นาทีหรือแม้กระทั่งไม่กี่วินาที ซึ่งนักเทรดที่ใช้กลยุทธ์นี้เรียกว่า “Scalper” จะเปิดและปิดตำแหน่งหลายครั้งในหนึ่งวัน โดยมีเป้าหมายในการทำกำไรเล็กน้อยจากแต่ละการซื้อขายเพื่อสะสมกำไรในระยะยาว
ลักษณะเด่นของ Scalping Trade:
- ความถี่สูง: Scalper จะทำการซื้อขายบ่อยมากภายในหนึ่งวัน อาจมีการซื้อขายหลายสิบหรือหลายร้อยครั้ง
- กำไรเล็กน้อย: กำไรจากแต่ละการซื้อขายมักจะไม่มาก เนื่องจากเป้าหมายหลักคือการสะสมกำไรเล็กน้อยในจำนวนมาก
- การใช้เลเวอเรจสูง: เพื่อเพิ่มกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเล็กน้อย Scalper มักจะใช้เลเวอเรจสูง
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค: Scalper มักพึ่งพาการวิเคราะห์ทางเทคนิคและเครื่องมือกราฟเพื่อตัดสินใจในการซื้อขาย
- สภาพคล่องสูง: ตลาดที่เหมาะสมสำหรับการ Scalping คือ ตลาดที่มีสภาพคล่องสูง เช่น ตลาด Forex หรือตลาดหุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายสูง
กลยุทธ์นี้ต้องการความรวดเร็วในการตัดสินใจ ความสามารถในการทนต่อความเครียด และความเข้าใจในกลไกของตลาดเป็นอย่างดี
ข้อดีของ Scalping Trade
- ลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวใหญ่ของตลาด: เนื่องจากการซื้อขายจะถูกปิดในระยะเวลาอันสั้น Scalper จะไม่ต้องรับความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวใหญ่ของตลาดในระยะยาว
- ไม่ต้องกังวลเรื่องข่าวสารระยะยาว: เนื่องจากการซื้อขายจะถูกปิดภายในไม่กี่นาที ข่าวสารที่มีผลกระทบระยะยาวจะไม่ส่งผลต่อ Scalper เท่ากับนักลงทุนระยะยาว
- โอกาสในการทำกำไรมากขึ้น: การทำกำไรในแต่ละการซื้อขายแม้จะเล็กน้อย แต่เมื่อสะสมกันหลายครั้งภายในวันอาจทำให้ได้กำไรมาก
ข้อเสียของ Scalping Trade
- ค่าคอมมิชชั่นสูง: เนื่องจากจำนวนการซื้อขายที่มาก ค่าคอมมิชชั่นจากการซื้อขายจะสะสมและอาจกินกำไรได้
- ความเครียดและความกดดันสูง: การต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วและการเฝ้าติดตามตลาดตลอดเวลาทำให้ Scalper ต้องรับความเครียดและความกดดันสูง
- ต้องมีการลงทุนเวลาและการเรียนรู้: Scalper ต้องทุ่มเทเวลาในการเฝ้าติดตามตลาดและต้องมีการศึกษาและฝึกฝนเป็นเวลานาน
เทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ในการ Scalping
- กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart): ใช้ในการวิเคราะห์รูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น
- เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average): ใช้เพื่อหาแนวโน้มของราคาในระยะสั้น
- อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคต่าง ๆ (Technical Indicators): เช่น Bollinger Bands, RSI, MACD เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
- การตั้งค่าคำสั่งซื้อขายอัตโนมัติ (Automated Trading Systems): เช่น การตั้งค่าคำสั่ง Stop-Loss และ Take-Profit เพื่อควบคุมความเสี่ยง
การเตรียมตัวสำหรับการเป็น Scalper
- การเลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าคอมมิชชั่นต่ำ: เพื่อลดค่าใช้จ่ายจากการซื้อขายที่บ่อยครั้ง
- การฝึกฝนในบัญชีทดลอง: เพื่อพัฒนาทักษะและสร้างกลยุทธ์การซื้อขายก่อนที่จะลงทุนด้วยเงินจริง
- การจัดการความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด: การตั้งค่าคำสั่ง Stop-Loss และการจัดการเงินทุนให้เหมาะสม
การเป็น Scalper ต้องการความมุ่งมั่น ความสามารถในการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว และการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง หากสามารถพัฒนาทักษะและใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมได้ Scalping อาจเป็นวิธีการทำกำไรที่มีประสิทธิภาพในตลาดการเงิน