Divergence คืออะไร?
Divergence คือสัญญาณทางเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์กราฟราคาและตัวชี้วัดต่าง ๆ เช่น MACD, RSI หรือ Stochastic Oscillator เพื่อระบุถึงความไม่สอดคล้องกันระหว่างการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์และการเคลื่อนไหวของตัวชี้วัด การเกิด Divergence มักใช้เพื่อคาดการณ์ถึงการกลับตัวของราคา (Reversal) หรือการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม (Trend Change)
ประเภทของ Divergence
Divergence มีสองประเภทหลัก คือ Regular Divergence และ Hidden Divergence
1. Regular Divergence
Regular Divergence ใช้ในการระบุถึงการกลับตัวของแนวโน้ม ซึ่งแบ่งออกเป็นสองแบบคือ Bullish Divergence และ Bearish Divergence
Bullish Divergence (Divergence แบบขาขึ้น)
- เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ (Lower Low) แต่ตัวชี้วัดทำจุดต่ำสุดสูงขึ้น (Higher Low)
- สัญญาณนี้บ่งชี้ถึงโอกาสที่ราคาจะกลับตัวจากแนวโน้มขาลงเป็นแนวโน้มขาขึ้น
Bearish Divergence (Divergence แบบขาลง)
- เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดสูงสุดใหม่ (Higher High) แต่ตัวชี้วัดทำจุดสูงสุดต่ำลง (Lower High)
- สัญญาณนี้บ่งชี้ถึงโอกาสที่ราคาจะกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้นเป็นแนวโน้มขาลง
2. Hidden Divergence
Hidden Divergence ใช้ในการระบุถึงการต่อเนื่องของแนวโน้มปัจจุบัน ซึ่งแบ่งออกเป็นสองแบบคือ Bullish Hidden Divergence และ Bearish Hidden Divergence
Bullish Hidden Divergence (Hidden Divergence แบบขาขึ้น)
- เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดต่ำสุดสูงขึ้น (Higher Low) แต่ตัวชี้วัดทำจุดต่ำสุดใหม่ (Lower Low)
- สัญญาณนี้บ่งชี้ถึงโอกาสที่แนวโน้มขาขึ้นจะยังคงดำเนินต่อไป
Bearish Hidden Divergence (Hidden Divergence แบบขาลง)
- เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดสูงสุดต่ำลง (Lower High) แต่ตัวชี้วัดทำจุดสูงสุดใหม่ (Higher High)
- สัญญาณนี้บ่งชี้ถึงโอกาสที่แนวโน้มขาลงจะยังคงดำเนินต่อไป
วิธีการใช้ Divergence ในการเทรด
1. เลือกตัวชี้วัด (Indicators)
- เลือกตัวชี้วัดที่คุณต้องการใช้ในการตรวจจับ Divergence เช่น MACD, RSI, หรือ Stochastic Oscillator
2. วิเคราะห์กราฟราคาและตัวชี้วัด
- ดูการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์และการเคลื่อนไหวของตัวชี้วัดว่ามีความไม่สอดคล้องกันหรือไม่
3. ระบุ Divergence
- ระบุประเภทของ Divergence ที่เกิดขึ้น เช่น Bullish Divergence, Bearish Divergence, Bullish Hidden Divergence หรือ Bearish Hidden Divergence
4. ตัดสินใจเปิดหรือปิดตำแหน่งการเทรด
- ใช้สัญญาณ Divergence เป็นหนึ่งในปัจจัยในการตัดสินใจเปิดหรือปิดตำแหน่งการเทรด
- ควรใช้ Divergence ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น แนวรับและแนวต้าน หรือการใช้เทรนด์ไลน์
5. ตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit
- ตั้งค่า Stop Loss เพื่อป้องกันการขาดทุนในกรณีที่การคาดการณ์ผิดพลาด
- ตั้งค่า Take Profit เพื่อล็อกกำไรเมื่อราคาขยับไปในทิศทางที่คาดหวัง
ข้อควรระวัง
การใช้ Divergence ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ
- ไม่ควรใช้ Divergence เพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจ ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
ความล่าช้าของตัวชี้วัด
- ตัวชี้วัดบางตัวอาจมีความล่าช้า (Lagging Indicator) ซึ่งอาจทำให้การตัดสินใจไม่ทันเวลา ควรเลือกใช้ตัวชี้วัดที่เหมาะสมและทันสมัย
การตรวจสอบสัญญาณหลอก (False Signals)
- Divergence อาจเกิดสัญญาณหลอกได้ ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของสัญญาณด้วยการวิเคราะห์อื่น ๆ ร่วมด้วย