Margin – Used margin – Available margin forex คืออะไร?
ในตลาด Forex การเข้าใจเกี่ยวกับ Margin, Used Margin และ Available Margin เป็นสิ่งสำคัญในการบริหารจัดการเงินทุนและการเทรด การใช้ Margin ในการเทรด Forex มีข้อดีหลายประการ ซึ่งช่วยให้นักเทรดสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและบริหารจัดการเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้คือข้อดีของ Margin, Used Margin และ Available Margin ในการเทรด Forex
Margin
- Margin คือจำนวนเงินที่นักเทรดต้องมีในบัญชีเพื่อใช้เป็นหลักประกันในการเปิดตำแหน่งการเทรด ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของขนาดการเทรดทั้งหมดที่ต้องใช้ในการเทรด โดยทั่วไปแล้ว Margin จะถูกกำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ของขนาดการเทรด เช่น 1%, 2%, หรือ 5%
ข้อดีของ Margin
1.เพิ่มขนาดของการเทรด (Leverage)
- Margin ช่วยให้นักเทรดสามารถควบคุมการเทรดที่มีขนาดใหญ่กว่าจำนวนเงินทุนที่มีในบัญชี ซึ่งสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้
- ตัวอย่างเช่น หากมีเงินทุน $1,000 และใช้ Leverage 1:100 คุณสามารถเปิดตำแหน่งการเทรดมูลค่า $100,000 ได้
2.เพิ่มความสามารถในการลงทุน
- การใช้ Margin ช่วยให้นักเทรดสามารถกระจายการลงทุนในหลายตำแหน่งการเทรดได้โดยไม่ต้องใช้เงินทุนทั้งหมด
- การกระจายการลงทุนช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์เดียว
Used Margin
- Used Margin หรือ Margin ที่ใช้แล้ว หมายถึงจำนวนเงินที่ถูกล็อคไว้เป็นหลักประกันสำหรับตำแหน่งการเทรดที่เปิดอยู่ทั้งหมด เป็นส่วนหนึ่งของ Margin ทั้งหมดในบัญชีที่ถูกใช้ไป
ข้อดีของ Used Margin
1.การบริหารจัดการเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
- Used Margin ช่วยให้นักเทรดทราบจำนวนเงินที่ถูกล็อคไว้เป็นหลักประกันสำหรับตำแหน่งการเทรดที่เปิดอยู่
- ช่วยให้นักเทรดสามารถวางแผนและจัดการเงินทุนที่ยังเหลืออยู่ได้ดียิ่งขึ้น
2.การติดตามสถานะการเทรด
- Used Margin ช่วยให้นักเทรดทราบถึงสถานะการเทรดและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งการเทรดที่เปิดอยู่
- ช่วยในการประเมินว่าเงินทุนที่มีอยู่เพียงพอในการรองรับการเทรดเพิ่มเติมหรือไม่
Available Margin
- Available Margin หรือ Free Margin คือจำนวนเงินที่ยังคงเหลือในบัญชีหลังจากที่หัก Used Margin แล้ว และสามารถใช้เปิดตำแหน่งการเทรดใหม่ได้ เป็นเงินที่ยังไม่ถูกล็อคและสามารถใช้เป็นหลักประกันสำหรับการเทรดใหม่
ข้อดีของ Available Margin
1.ความยืดหยุ่นในการเทรด
- Available Margin ช่วยให้นักเทรดทราบจำนวนเงินที่สามารถใช้ในการเปิดตำแหน่งการเทรดใหม่ได้โดยไม่ต้องปิดตำแหน่งที่เปิดอยู่
- ช่วยให้นักเทรดสามารถตอบสนองต่อโอกาสการเทรดใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
2.การป้องกันการเรียกหลักประกัน (Margin Call)
- การติดตาม Available Margin ช่วยให้นักเทรดทราบถึงความเสี่ยงในการถูกเรียกหลักประกัน (Margin Call) และสามารถปรับตำแหน่งการเทรดเพื่อลดความเสี่ยงได้
- การรักษา Available Margin ในระดับที่เหมาะสมช่วยป้องกันการถูกบังคับปิดตำแหน่งการเทรด (Stop Out)
สรุปข้อดีของ Margin, Used Margin และ Available Margin
1.เพิ่มขนาดของการเทรดและโอกาสในการทำกำไร
- การใช้ Margin ช่วยให้นักเทรดสามารถเปิดตำแหน่งการเทรดที่มีขนาดใหญ่กว่าจำนวนเงินทุนที่มีในบัญชี ซึ่งสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้
2.การบริหารจัดการเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
- Used Margin และ Available Margin ช่วยให้นักเทรดสามารถบริหารจัดการเงินทุนได้ดียิ่งขึ้น โดยทราบถึงจำนวนเงินที่ถูกล็อคไว้และจำนวนเงินที่ยังสามารถใช้ในการเทรดเพิ่มเติมได้
3.การกระจายการลงทุนและลดความเสี่ยง
- การใช้ Margin ช่วยให้นักเทรดสามารถกระจายการลงทุนในหลายตำแหน่งการเทรด ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์เดียว
4.ความยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อโอกาสการเทรด
- Available Margin ช่วยให้นักเทรดสามารถตอบสนองต่อโอกาสการเทรดใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องปิดตำแหน่งการเทรดที่เปิดอยู่
การใช้ Margin, Used Margin และ Available Margin อย่างเหมาะสมช่วยให้นักเทรดสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและบริหารจัดการเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ การเทรดด้วย Margin ต้องการการบริหารความเสี่ยงอย่างระมัดระวังเพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุนที่มากเกินไป
ตัวอย่างการคำนวณ
สมมติว่าคุณมีบัญชีเทรดที่มีเงินทุน $10,000 และโบรกเกอร์กำหนดให้ใช้ Margin ที่ 1% ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
1.Margin ที่ต้องใช้ในการเปิดตำแหน่ง
- คุณต้องการเปิดตำแหน่งซื้อ (long position) EUR/USD ขนาด 1 ล็อตมาตรฐาน (100,000 หน่วย)
- Margin ที่ต้องใช้ = ขนาดการเทรด x อัตรา Margin
- Margin ที่ต้องใช้ = 100,000 x 1% = $1,000
2.Used Margin
- เมื่อเปิดตำแหน่งนี้แล้ว Used Margin จะเท่ากับ $1,000
3.Available Margin
- Available Margin = Equity – Used Margin
- สมมติว่าไม่มีตำแหน่งอื่นในบัญชี Equity จะเท่ากับยอดเงินในบัญชี $10,000
- Available Margin = $10,000 – $1,000 = $9,000
คำอธิบายเพิ่มเติม
1.Equity
- Equity คือมูลค่าปัจจุบันของบัญชีเทรดของคุณ รวมถึงกำไรหรือขาดทุนที่ยังไม่ปิดตำแหน่ง
- Equity = Balance + Floating Profit/Loss
- ถ้าคุณมี Balance $10,000 และ Floating Profit/Loss เป็น $0, Equity จะเท่ากับ $10,000
2.Margin Level
- Margin Level คือเปอร์เซ็นต์ที่แสดงสถานะความเสี่ยงของบัญชีเทรด
- Margin Level = (Equity / Used Margin) x 100%
- ถ้า Equity = $10,000 และ Used Margin = $1,000, Margin Level = ($10,000 / $1,000) x 100% = 1000%
3.Margin Call
- Margin Call เป็นการแจ้งเตือนจากโบรกเกอร์เมื่อ Margin Level ต่ำกว่าระดับที่กำหนด ซึ่งมักจะอยู่ที่ 100% หรือต่ำกว่า
- เมื่อ Margin Level ต่ำกว่า 100%, โบรกเกอร์อาจปิดบางตำแหน่งการเทรดหรือทั้งหมดเพื่อป้องกันการขาดทุนที่มากเกินไป
4.Stop Out Level
- Stop Out Level เป็นระดับที่โบรกเกอร์จะปิดตำแหน่งการเทรดอัตโนมัติหาก Margin Level ต่ำเกินไป ซึ่งมักจะอยู่ที่ 20% ถึง 50%
- ตัวอย่างเช่น หาก Stop Out Level ของโบรกเกอร์อยู่ที่ 50% และ Margin Level ของคุณลดลงถึง 50%, โบรกเกอร์จะเริ่มปิดตำแหน่งการเทรดเพื่อป้องกันการขาดทุนมากเกินไป
สรุป
- Margin: จำนวนเงินที่ต้องใช้เป็นหลักประกันในการเปิดตำแหน่งการเทรด
- Used Margin: จำนวนเงินที่ถูกล็อคไว้สำหรับตำแหน่งการเทรดที่เปิดอยู่
- Available Margin: จำนวนเงินที่ยังคงเหลือและสามารถใช้เปิดตำแหน่งการเทรดใหม่ได้
การเข้าใจและบริหารจัดการ Margin, Used Margin, และ Available Margin เป็นสิ่งสำคัญในการเทรด Forex เพื่อป้องกันการขาดทุนมากเกินไปและรักษาความเสี่ยงในระดับที่ยอมรับได้