SWING POINT คืออะไร?
Swing Point (จุดสวิง) เป็นจุดบนกราฟราคาที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของราคาในตลาด โดยเป็นจุดที่ราคาหยุดการเคลื่อนไหวในทิศทางหนึ่งและเปลี่ยนทิศทางเป็นอีกทิศทางหนึ่ง จุดสวิงสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลัก คือ จุดสวิงสูงสุด (Swing High) และจุดสวิงต่ำสุด (Swing Low)
ประเภทของ Swing Point
1. จุดสวิงสูงสุด (Swing High)
- เป็นจุดที่ราคาหยุดการเคลื่อนไหวขึ้นและเริ่มเคลื่อนไหวลง
- เกิดขึ้นเมื่อจุดสูงสุดของแท่งเทียนถูกขนาบข้างด้วยจุดสูงสุดที่ต่ำกว่าในทั้งสองด้าน
- บ่งบอกถึงแนวต้านที่ราคาไม่สามารถผ่านไปได้
2. จุดสวิงต่ำสุด (Swing Low)
- เป็นจุดที่ราคาหยุดการเคลื่อนไหวลงและเริ่มเคลื่อนไหวขึ้น
- เกิดขึ้นเมื่อจุดต่ำสุดของแท่งเทียนถูกขนาบข้างด้วยจุดต่ำสุดที่สูงกว่าในทั้งสองด้าน
- บ่งบอกถึงแนวรับที่ราคายังไม่สามารถลงไปต่ำกว่านี้ได้
ความสำคัญของ Swing Points
การระบุแนวโน้ม (Trend Identification)
- การระบุจุดสวิงช่วยในการระบุแนวโน้มของตลาด แนวโน้มขาขึ้นจะมีจุดสวิงต่ำสุดที่สูงขึ้นและจุดสวิงสูงสุดที่สูงขึ้น
- แนวโน้มขาลงจะมีจุดสวิงสูงสุดที่ต่ำลงและจุดสวิงต่ำสุดที่ต่ำลง
การกำหนดแนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance Levels)
- จุดสวิงสูงสุดทำหน้าที่เป็นแนวต้านที่ราคามักจะกลับตัวลง
- จุดสวิงต่ำสุดทำหน้าที่เป็นแนวรับที่ราคามักจะกลับตัวขึ้น
การเข้าและออกจากการเทรด (Entry and Exit Points)
- นักเทรดสามารถใช้จุดสวิงเป็นจุดเข้าและออกจากการเทรด โดยการซื้อที่จุดสวิงต่ำสุดและขายที่จุดสวิงสูงสุดในแนวโน้มขาขึ้น
- หรือขายที่จุดสวิงสูงสุดและซื้อกลับที่จุดสวิงต่ำสุดในแนวโน้มขาลง
ตัวอย่างการระบุ Swing Points
ตัวอย่างที่ 1 แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend)
Swing Low
- ราคาลดลงมาที่ $50 และจากนั้นกลับขึ้นไป
Swing High
- ราคาขึ้นไปถึง $60 และจากนั้นกลับลงมา
Swing Low ใหม่
- ราคาลดลงมาที่ $55 และจากนั้นกลับขึ้นไป
ในกรณีนี้ เราสามารถเห็นว่าจุดต่ำสุดใหม่สูงกว่าจุดต่ำสุดเดิม (Higher Low) และจุดสูงสุดใหม่สูงกว่าจุดสูงสุดเดิม (Higher High)
ตัวอย่างที่ 2 แนวโน้มขาลง (Downtrend)
Swing High
- ราคาขึ้นไปถึง $100 และจากนั้นกลับลงมา
Swing Low
- ราคาลดลงมาที่ $90 และจากนั้นกลับขึ้นไป
Swing High ใหม่
- ราคาขึ้นไปที่ $95 และจากนั้นกลับลงมา
ในกรณีนี้ เราสามารถเห็นว่าจุดสูงสุดใหม่ต่ำกว่าจุดสูงสุดเดิม (Lower High) และจุดต่ำสุดใหม่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดเดิม (Lower Low)
การใช้ Swing Points ในการเทรด
1. การระบุแนวโน้ม (Trend Identification)
- ใช้จุดสวิงเพื่อระบุแนวโน้มปัจจุบันของตลาด หากมีจุดสวิงต่ำสุดที่สูงขึ้นและจุดสวิงสูงสุดที่สูงขึ้น เป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้น
- หากมีจุดสวิงสูงสุดที่ต่ำลงและจุดสวิงต่ำสุดที่ต่ำลง เป็นการยืนยันแนวโน้มขาลง
2. การใช้เป็นแนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance)
- ใช้จุดสวิงสูงสุดเป็นแนวต้านที่ราคามักจะกลับตัวลง
- ใช้จุดสวิงต่ำสุดเป็นแนวรับที่ราคามักจะกลับตัวขึ้น
3. การตั้งค่าจุดหยุดขาดทุน (Stop-Loss)
- ตั้งค่าจุดหยุดขาดทุนที่ระดับต่ำกว่าจุดสวิงต่ำสุดในกรณีที่เปิดสถานะซื้อ
- ตั้งค่าจุดหยุดขาดทุนที่ระดับสูงกว่าจุดสวิงสูงสุดในกรณีที่เปิดสถานะขาย
4. การเข้าและออกจากการเทรด (Entry and Exit Points)
- เข้าเทรดเมื่อราคากลับตัวจากจุดสวิงต่ำสุดในแนวโน้มขาขึ้น
- ออกเทรดเมื่อราคาถึงจุดสวิงสูงสุดในแนวโน้มขาขึ้น
- เข้าเทรดเมื่อราคากลับตัวจากจุดสวิงสูงสุดในแนวโน้มขาลง
- ออกเทรดเมื่อราคาถึงจุดสวิงต่ำสุดในแนวโน้มขาลง
การใช้ Swing Points เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการระบุแนวโน้ม กำหนดแนวรับและแนวต้าน และวางแผนการเข้าและออกจากการเทรด ช่วยให้นักเทรดสามารถทำการตัดสินใจที่มีข้อมูลและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาดการเงิน