Technical Analysis คืออะไร?

Technical Analysis คืออะไร?

Technical Analysis คืออะไร?

Technical Analysis (การวิเคราะห์ทางเทคนิค) คือวิธีการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ในตลาดการเงิน เช่น หุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์, สกุลเงิน และดัชนี โดยอาศัยข้อมูลราคาที่ผ่านมาและปริมาณการซื้อขาย (Volume) เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

หลักการพื้นฐานของ Technical Analysis

1. การเคลื่อนไหวของราคาแสดงทุกสิ่งทุกอย่าง (Price Discounts Everything)

  • ราคาของสินทรัพย์สะท้อนข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ในตลาด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางเศรษฐกิจ, การเมือง หรือข่าวสารต่างๆ

ราคามีแนวโน้ม (Price Moves in Trends)

  • ราคามักจะเคลื่อนไหวในแนวโน้ม (Trend) ซึ่งสามารถแบ่งเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend), แนวโน้มขาลง (Downtrend), และแนวโน้มด้านข้าง (Sideways)

ประวัติศาสตร์มักซ้ำรอย (History Tends to Repeat Itself)

  • รูปแบบและพฤติกรรมของราคาที่เกิดขึ้นในอดีตมักจะเกิดขึ้นอีกในอนาคตเนื่องจากพฤติกรรมของนักลงทุนไม่เปลี่ยนแปลง

เครื่องมือและเทคนิคในการวิเคราะห์ทางเทคนิค

1. แผนภูมิราคา (Price Charts)

  • แผนภูมิแท่งเทียน (Candlestick Charts)
  • แผนภูมิแท่ง (Bar Charts)
  • แผนภูมิเส้น (Line Charts)

2. แนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance)

  • แนวรับคือระดับราคาที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการซื้อเพื่อหนุนราคา
  • แนวต้านคือระดับราคาที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการขายเพื่อหยุดยั้งการขึ้นของราคา

3. ส้นแนวโน้ม (Trend Lines)

  • ใช้ในการระบุทิศทางของแนวโน้มราคา

4. รูปแบบกราฟ (Chart Patterns)

  • รูปแบบต่อเนื่อง (Continuation Patterns) เช่น สามเหลี่ยม (Triangles), ธง (Flags), และไลน์ (Pennants)
  • รูปแบบกลับตัว (Reversal Patterns) เช่น หัวและไหล่ (Head and Shoulders), คู่บนและคู่ล่าง (Double Top and Double Bottom)

ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators)

  • Moving Averages: ใช้ในการระบุแนวโน้มและการกลับตัว
  • Relative Strength Index (RSI): ใช้ในการวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มและสภาวะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป
  • Moving Average Convergence Divergence (MACD): ใช้ในการระบุการกลับตัวและทิศทางของแนวโน้ม
  • Bollinger Bands: ใช้ในการวัดความผันผวนของราคา

ปริมาณการซื้อขาย (Volume)

  • ปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยยืนยันความถูกต้องของแนวโน้มและสัญญาณการกลับตัว

การใช้งาน Technical Analysis

การระบุแนวโน้ม (Trend Identification)

  • ใช้เครื่องมือและตัวชี้วัดเพื่อระบุแนวโน้มของราคา เช่น แนวโน้มขาขึ้น แนวโน้มขาลง หรือแนวโน้มด้านข้าง

การกำหนดจุดเข้าและออก (Entry and Exit Points)

  • ใช้แนวรับและแนวต้าน รูปแบบกราฟ และตัวชี้วัดในการกำหนดจุดเข้าและออกจากตลาด

การบริหารจัดการความเสี่ยง (Risk Management)

  • ใช้การตั้งค่า Stop-Loss และ Take-Profit เพื่อควบคุมความเสี่ยงและล็อกกำไร

การวิเคราะห์รูปแบบและพฤติกรรมของราคา (Pattern and Behavior Analysis)

  • วิเคราะห์รูปแบบกราฟและพฤติกรรมของราคาเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวในอนาคต

ข้อดีและข้อเสียของ Technical Analysis

ข้อดี

ความเรียบง่ายและเข้าถึงได้ง่าย

  • เครื่องมือและตัวชี้วัดทางเทคนิคสามารถใช้งานได้ง่ายและเข้าใจได้ไม่ยาก

ความเร็วในการวิเคราะห์

  • การวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถทำได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากใช้ข้อมูลราคาที่มีอยู่ในทันที

ความยืดหยุ่นในการใช้งาน

  • สามารถใช้งานได้กับตลาดทุกประเภท เช่น หุ้น, ฟอเร็กซ์, สินค้าโภคภัณฑ์, และดัชนี

ข้อเสีย

สัญญาณหลอก (False Signals)

  • บางครั้งการวิเคราะห์ทางเทคนิคอาจให้สัญญาณหลอก ทำให้เกิดการตัดสินใจผิดพลาด

ไม่สามารถคาดการณ์เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้

  • การวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่สามารถคาดการณ์เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การประกาศข่าวสำคัญทางเศรษฐกิจ หรือเหตุการณ์ทางการเมือง

ความล่าช้า (Lagging Indicators)

  • บางครั้งตัวชี้วัดทางเทคนิคอาจล่าช้าและไม่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาทันที

สรุป

Technical Analysis เป็นการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์โดยอาศัยข้อมูลราคาที่ผ่านมาและปริมาณการซื้อขาย เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้เครื่องมือและตัวชี้วัดต่างๆ เพื่อระบุแนวโน้ม ราคา และจุดกลับตัว รวมถึงการตั้งค่าจุดเข้าและออกจากตลาด การใช้งานการวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างมีประสิทธิภาพสามารถช่วยให้นักเทรดทำกำไรได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว