RSI กับ Stochastic ต่างกันอย่างไร?

RSI (Relative Strength Index) กับ Stochastic Oscillator เป็นเครื่องมือวัดโมเมนตัมที่นิยมใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อหาจุดซื้อขาย แต่ทั้งสองมีความแตกต่างกันในหลายด้าน ดังนี้

1. หลักการคำนวณ

RSI

  • วัดความแรงของราคาล่าสุดเทียบกับช่วงเวลาย้อนหลัง (เช่น 14 แท่งเทียน)
  • คำนวณจากความแรงของวันขึ้นเทียบกับวันลง
  • ค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 100

Stochastic Oscillator

  • วัดตำแหน่งราคาปัจจุบันเทียบกับช่วงราคาสูงสุด-ต่ำสุดในช่วงระยะเวลาหนึ่ง (เช่น 14 แท่งเทียน)
  • เน้นเปรียบเทียบราคาปิดกับกรอบราคา
  • ประกอบด้วยเส้น %K และ %D

2. การตีความค่า

RSI

  • ค่า เหนือ 70 = เข้าสู่เขต Overbought (อาจมีแรงขายตามมา)
  • ค่า ต่ำกว่า 30 = เข้าสู่เขต Oversold (อาจมีแรงซื้อกลับ)

Stochastic

  • ค่า เหนือ 80 = Overbought
  • ค่า ต่ำกว่า 20 = Oversold
  • ใช้การตัดกันของเส้น %K กับ %D เป็นสัญญาณซื้อ/ขายด้วย

3. ความไวต่อการเปลี่ยนแปลงราคา

  • Stochastic มักมีความ ไว กว่า RSI จึงอาจให้สัญญาณเร็วกว่า แต่ก็เกิดสัญญาณหลอกได้ง่ายกว่า
  • RSI จะ นิ่งกว่า และตอบสนองกับการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ได้ดีกว่า

4. ความเหมาะสมในการใช้งาน

  • RSI มักเหมาะกับตลาดที่มีเทรนด์ชัดเจน (Trending Market)
  • Stochastic มักเหมาะกับตลาดที่แกว่งตัวในกรอบ (Sideway/Range-bound Market)

สรุปตารางเปรียบเทียบ

ปัจจัยRSIStochastic
ใช้วัดอะไรความแข็งแรงของราคาตำแหน่งราคาปัจจุบันในกรอบช่วงหนึ่ง
ค่าที่ใช้บ่อย1414, 3, 3
เขต Overbought> 70> 80
เขต Oversold< 30< 20
ความไวต่อราคาปานกลางไว
เหมาะกับตลาดแบบไหนเทรนด์ชัดเจนแกว่งในกรอบ