Timeframe หรือตัวย่อคือ TF โดยเริ่มแรกนักลงทุนต้องรู้ความหมายและข้อมูลในส่วนนี้ด้วย เพื่อประโยชน์ในการลงทุน
ความหมายของ Timeframe
Timeframe คือแผนภาพที่ถูกตัดแบ่งตามระยะเวลา เป็นการตัดแบ่งความเคลื่อนที่ของราคาออกเป็นช่วงๆตามเวลาต่างๆถี่ๆ เช่น 1 นาที, 5 นาที, 1 ชั่วโมง, หรือ 1 วัน
โดยเน้นที่จะแสดงออกมาในรูปแบบแท่งเทียน(Candles) โดยที่แท่งเทียนนั้นจะแสดงการเคลื่อนที่ของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น TF 1ชั่วโมง จะแสดงการเคลื่อนที่ใน 1 แท่งเทียน นั้นหมายถึงการเคลื่อนไหวของราคา ใน 1 ชั่วโมง
และจากการที่ได้สังเกตจากการเลือกใช้ TF ที่จะต่างกันก็คือ การแสดงผลของอินดิเคเตอร์ ทำให้นักลงทุนตัดสินใจเข้าซื้อขายไม่เหมือนกันด้วย ปัญหาที่นักลงทุนเจอและเผชิญกันอยู่ทุกคนก็คือความไม่แน่ใจและความกลัวที่จะเข้าซื้อขาย
ไม่ทันในจุดที่ดีที่สุด และในส่วนนี้เองที่ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่พยายามที่จะเล่นหลายๆ TF เพื่อหาจุดจาก TF ที่ไม่เหมือนกัน แต่ผลที่ได้รับกลับมาก็คือ สัญญาณซื้อ-ขายที่มากมาย และหลายๆครั้งๆ ยังขัดกันเองอีกด้วย
วิธีเลือก Timeframe

การที่จะลงเล่นใน TF ได้นั้น เริ่มต้นนังลงทุนต้องทราบก่อนว่าเราจำเป็นต้องใช้เวลาในการเทรดแต่ละวันมากน้อยแค่ไหน ถ้ามีเวลามากที่จะนั่งดูสัญญาณซื้อ-ขาย ได้ตลอดและชอบเล่นแบบซื้อเร็ว-ขายเร็ว หรือที่เรียกว่าการเล่นแบบ Intraday ทำให้ผู้ที่เล่นใน TF แบบระยะสั้น เช่น 1 นาที-15 นาที ก็น่าจะเหมาะสมที่สุด
แต่อย่างไรก็ตาม นังลงทุนต้องไม่ลืมว่า การเล่น TF สลับไปมาจะทำให้สัญญาณซื้อขายไม่เสถียรคงที่ ถึงเราจะเป็นคนที่ชอบซื้อเร็ว-ขายเร็วก็ตาม จึงแนะนำให้เลือกใช้แต่ TF อันเดียวเท่านั้น และอีกแบบนึ่ง หากเราเป็นนักลงทุน ที่มีไม่มีเวลามาก หรือมีงานประจำทำอยู่แล้วด้วย Timeframe ที่ควรเล่นควรเป็นแบบระยะยาว
การเลือก Timeframe นั้น เป็นแค่คำแนะนำเบื้องต้นในการเลือกใช้งาน แต่ที่ควรให้ความสำคัญก็คือ นักลงทุนเองจะต้องรู้ก่อนว่าเรามีเวลามากน้อยแค่ไหนกับการเทรด บทสรุบก็คือ เลือก TF ให้เหมาะกับตัวเราและเวลาที่เราจะใช้ตรงนี้เป็นสำคัญถึงแม้ว่าเราจะมีงานประจำทำอยู่แล้วก็ตาม
แต่ถ้าเราว่างจากการทำกิจกรรมส่วนตัวต่างๆแล้ว และเราว่างพอที่จะมานั่งดูกราฟ
ให้เราใช้ TF แบบระยะสั้นได้ เช่น 1-5 นาที แต่อย่างไรก็ตาม เราจะต้องเลือกเพียง 1 TF เป็นหลักเท่านั้น ไม่ควรสลับไปมา เพราะจะทำให้เราเองที่สับสน
ข้อเสีย การเล่นหลาย Timeframe มีแยอะจริงไหม
ข้อเสียของการเล่นหลาย Timeframe นั้น อาจจะไม่ได้เป็นข้อเสียซะทีเดียว เพราะการดู Time Frame ที่กว้างบ้างยาวบ้าง จะทำให้เราเห็นแนวโน้มทิศทางของราคาในระยะยาว เช่น ปกติเราจะเล่น Time Frame 6 ชั่วโมง การดูTF Daily จะทำให้เราสังเกตุเห็น Trend ของราคาในมุมที่กว้างขึ้น การเล่นแบบนี้เหมาะกับนักลงทุนที่เล่นตามเทรนด์ Trend Following อาศัยแนวโน้มของ Time Frame ที่กว้างกว่าเล่นตามเทรนด์ใน Time Frame แบบปกติ
การเล่นใน Time Frame แบบปกติ 6 ชั่วโมง ควรเล่นขาขึ้นของราคา ถึงราคาใน TF 6 ชั่วโมงจะเหวี่ยงผันผวน ขึ้นลงไปมาและลงมาใกล้เส้น Moving Average มาก ในอนาคตก็จะมีสัญญาณให้เราเข้า Short ได้แต่ถ้ายึดตามแนวโน้ม TF Daily แล้ว
ราคายังอยู่ในขาขึ้น ให้เราเป็นนักลงทุนแบบ Trend Following เราควรจะเลือกเข้าซื้อเฉพาะสัญญาณ Long เท่านั้น
กลยุทธ์สั้นและยาวของ Time Frame มีผลเสียอย่างไร
ถ้าเราจะเลือก Time Frame สั้นนั้นแสดงว่า เราเลือกที่จะใช้กลยุทธ์การเทรดที่สั้น
การเลือกการเทรดสั้น ถึงจะสะดวกกับเวลาในชีวิตประจำวันของเราก็ตาม แต่ก็มีผลเสียที่จะตามมาเหมือนกัน เช่น ต้นทุน หมายถึง ต้นทุนในการทำธุรกรรมสำหรับการเทรดในแต่ละครั้ง การเทรดTime Frame สั้นสัดส่วน Spread ต่อระยะวิ่งของราคามีสัดส่วนน้อย ทำให้ต้นทุนที่ต้องจ่ายสูงขึ้น และ เมื่อต้นทุนสูงทำให้กำไรที่จะได้รับลดลง จนกลายเป็นทุนไปเสียส่วนใหญ่
แต่ถ้าเลือก Time Frame แบบระยะยาวนั้น ถึงแม้ว่าสัดส่วนต้นทุนจะไม่มากต่อระยะการวิ่งของราคา แต่ก็มีข้อเสียอยู่ดี ข้อเสียนั้นก็คือSwap เพราะว่า Swap เป็นต้นทุนของการเทรดประเภทหนึ่ง เมื่อเราถือ position ในระยะยาวทำให้ Swap ที่ต้องจ่ายเกิดขึ้นทุกวัน ในบางค่าเงิน Swap มีมูลค่าสูง ทำให้เมื่อถือ position นานไปก็จะมีต้นทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ
ดังนั้นการเลือก Time Frame มีส่วนสำคัญต่อการเทรดได้มากพอสมควร การเลือก Time Frame ที่เหมาะสม ควรจะเป็นระยะกลาง ไม่สั้นและไม่ยาวจนเกินไป และที่สำคัญ ต้องสะดวกกับชีวิตประจำวันของนักลงทุนด้วย
และการเลือกใช้ Time Frame มีส่วนสำคัญมาก เพราะหลายปัจจัยกำหนดสถานะกำไรขาดทุนของนังลงทุนได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการวิเคราะห์ เรื่องของต้นทุนการเทรด หรือเรื่องของผลต่อจิตวิทยา และความเหมาะสมต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การเลือก Time Frame จึงมีอิทธิพลต่อนักลงทุนที่แตกต่างออกไป และแต่ละ Broker ยังนำเสนอ Time Frame ที่แตกต่างกัน
Broker บางเจ้า มี Time Frame ละเอียดถึงกราฟรายวินาทีก็มี แต่การจะบอกว่า Trade Time Frame ไหนได้กำไรดีกว่า Time Frame ไหนนั้นไม่มี มันขึ้นอยู่กับความถนัด เวลา และกลยุทธ์ของแต่ละคน รวมประกอบกันด้วย และ การเทรดไม่ควรที่จะใช้ Time Frame 1 เดียว ควรจะต้องรู้จักประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์ และที่สำคัญความรู้เรื่อง Time Frame เป็นสิ่งที่สำคัญมาก
ดังนั้น Time Frame จึงมีข้อดี และ ข้อเสีย ที่แตกต่างกันไปตามความสั้นยาวของช่วงเวลาขึ้นอยู่กับตัวนังลงทุนเองว่าเป็นเทรดเดอร์ประเภทไหน มีลักษณะการเทรดแบบใดมีนิสัยการเทรดยังไง ทำให้ได้ Time Frame ที่เหมาะกับตัวเราที่สุด การที่จะเลือกใช้ Time Frame ที่เหมาะสมเพื่อหาจุดเข้าเทรด จึงไม่ตายตัว นังลงทุนอาจจะดูจากTime Frame ที่เป็นจุดระยะเวลามากไปหาน้อย หรือจากน้อยไปหามากก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญทีสุดคือนักลงทุนต้องมองตลาดในภาพรวมให้ได้ แล้วจึงหาจังหวะเข้าเทรดใน Time Frame ที่เราถนัด การเทรดที่ดีทีสุดคือต้องศึกษาเทคนิคอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย
และ Time Frame ก็แอบมีความซับซ้อนเล็ก ๆ ซึ่งเทรดเดอร์มือใหม่จึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้จากการเทรดบัญชี DEMO ก่อน เพื่อที่จะได้เห็นความแตกต่างของแต่ล่ะ Time Frame แล้วจึงเลือกใช้ หรือหาจุดเข้าเทรดตามที่ตัวเองถนัด หรือเห็นว่ามันสมควร และเวลาเทรดในบัญชีจริง จะได้ไม่เสียหายมากนัก
และถ้าเข้าใจเรื่อง Time Frame ดีแล้วและพร้อมเทรดจริง ๆ ก็เริ่มลงมือเทรดได้เลย
ขั้นตอนที่ 1 ของการเทรด Forex คือนักลงทุนต้องเลือกโบรกเกอร์ที่ไว้ใจได้
แต่ละโบรกเกอร์ จะมีค่าสเปรด เงินขั้นต่ำในการฝากเงินถอนและเงื่อนไข หรือโปรโมชั่นที่ไม่เหมือนกัน นักลงทุนต้องเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมและคุ้มค่ากับเงินลงทุนมากที่สุด และที่สำคัญก็คือ “ต้องเลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลเท่านั้น” เพราะเป็นคือสิ่งเดียวที่จะบอกได้ว่าโบรกเกอร์ Forex นั้น ๆ มีความน่าเชื่อถือ มั่นคงปลอดภัย ห้ามไปเลือกโบรกเกอร์ที่ไม่มีใบอนุญาติเด็จขาด เพราะจะทำให้นักลงทุนอาจโดนโกงได้
อิทธิพลของ Time Frame กับตลาด Forex
การวิเคราะห์และการวางแผนซื้อขายในตลาด Forex นักลงทุนนิยมจะใช้โปรแกรม MT4 เป็นหลัก เพื่อสร้างอินดิเคเตอร์มาวิเคราะห์ ซึ่งลักษณะของรูปแบบกราฟจะเป็นแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับกรอบเวลาของ Time Frame ที่นักลงทุนเลือก ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงราคาและมีแนวโน้มการขยับตัวไม่มาก แต่นักลงทุนเลือก Time Frame สั้นอยู่ อาจจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงราคาเลยก็เป็นไปได้
และตัวโปรแกรม MT4 นั้นจะมี Time Frame ให้เลือกหลายแบบ หลายตัวเช่น M1, M5, M15, M30, H1, H4, D1, W1, MN ซึ่งแต่ละตัวมีควาหมายดังนี้
M :Minute แปลว่า นาที
H:Hour แปลว่า ชั่วโมง
D :Day แปลว่า วัน
W :Week แปลว่า อาทิตย์
MN :Month แปลว่า เดือน
และความสำคัญอันดับแรก ของนักลงทุนให้ความสำคัญ คือ “การคลื่อนไหวของราคา
ซึ่งข้อมูลจะถูกเก็บเป็นสถิติเพื่อทีจะแสดงผลเป็นแบบใดแบบหนึ่ง ซึ่งนังลงส่วนส่วนมากจะเรียกว่า “แท่งเทียน”
(candlestick) และมีอยู่ 2 แบบ คือ “แท่งเทียนขาขึ้น” และ “แท่งเทียนขาลง” โดย ใน 1 แท่งเทียนจะประกอบไปด้วย “ราคาเปิด” , “ราคาปิด” , “ราคาสูงสุด” , “ราคาต่ำสุด”ซึ่งระยะเวลาในการแสดงผลแต่ละแท่งเทียนนั้นจะถูกกำหนดด้วย “Time Frame” ในตลาด “Forex” นักลงทุนหลายๆคน ที่ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค และใช้โปรแกรม “mt4” หรือ โปรแกรม“ctrader” ในการวิเคราะห์ จะต้องคุ้นเคยกับ “กราฟ” หรือ “chart” เป็นอย่างดีไม่มากก็น้อย
สรุป Time Frame คืออะไร
Time Frame จึงหมายถึง “กรอบเวลา” โดยมีชื่อย่อว่า TF และถ้าเลือก TF แบบ
M5 หมายความว่า กราฟราคานั้นแสดงค่าในช่วงเวลา 5 นาที และถ้าเป็นกราฟแท่งเทียนก็แท่งละ 5 นาที และการเลือกเทรดใน Time Frame ที่ต่างกัน ส่วนใหญ่แล้วมักแสดงผลที่ต่างกัน เช่น เราดู Time Frame 15M เหมือนว่าราคากำลังมีการปรับตัวลงอย่างรุนแรง แต่พอไปดูใน Time Frame 4H ปรากฏว่ารามีการปรับตัวขึ้น เป็นต้น