Volatility คืออะไร?
Volatility คือการวัดความผันผวนหรือความแปรปรวนของราคาสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น พันธบัตร หรือสินทรัพย์อื่นๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง ความผันผวนนี้บ่งบอกถึงความไม่แน่นอนหรือความเสี่ยงที่ราคาสินทรัพย์นั้นๆ จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต
ประเภทของ Volatility
1. Historical Volatility (ความผันผวนในอดีต)
- เป็นการวัดความผันผวนของราคาสินทรัพย์ที่เกิดขึ้นในอดีต โดยปกติจะคำนวณจากข้อมูลราคาที่ผ่านมาในช่วงเวลาหนึ่ง
- นิยมใช้สูตรคำนวณค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ของผลตอบแทนรายวัน รายเดือน หรือรายปี
2. Implied Volatility (ความผันผวนโดยนัย)
- เป็นการคาดการณ์ความผันผวนของราคาสินทรัพย์ในอนาคตที่คาดหมายจากราคาของตัวเลือก (options) ในตลาด
- มักใช้ในการกำหนดราคาตัวเลือก (Options Pricing) เพื่อประมาณความเสี่ยงที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
ความสำคัญของ Volatility
การลงทุน
- นักลงทุนใช้ความผันผวนในการวางแผนการลงทุนและการจัดการความเสี่ยง สินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงมักมีความเสี่ยงสูง แต่มักให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น ในขณะที่สินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำมักมีความเสี่ยงต่ำและให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่า
การประกันภัย
- ในตลาดอนุพันธ์ (Derivatives Market) เช่น การซื้อขายตัวเลือก (options) ความผันผวนโดยนัยเป็นตัวบ่งชี้สำคัญในการกำหนดราคาสัญญา
การวิเคราะห์ตลาด
- นักวิเคราะห์ตลาดใช้ข้อมูลความผันผวนเพื่อประเมินสภาพคล่องและแนวโน้มของตลาด ซึ่งช่วยในการตัดสินใจซื้อขาย
ตัวอย่างการคำนวณ Volatility
สมมติว่ามีราคาหุ้นรายวันดังนี้ 100, 102, 101, 105, 107
- คำนวณผลตอบแทนรายวัน (Daily Returns)
- คำนวณค่าเฉลี่ยของผลตอบแทน
- คำนวณค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลตอบแทน ซึ่งคือ Historical Volatility
เครื่องมือและดัชนีที่ใช้วัด Volatility
VIX (Volatility Index)
- ดัชนีความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง เป็นดัชนีที่สะท้อนความคาดหมายของความผันผวนในตลาดหุ้นในอีก 30 วันข้างหน้า โดยคำนวณจากราคา Options ของ S&P 500
สรุป
Volatility จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการวัดความเสี่ยงและการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในหลายด้านของการลงทุนและการวิเคราะห์ทางการเงิน